หลังจากที่ Tim Cook ประธานผู้บริหาร Apple ได้ออกมายอมรับว่ายอดขาย iPhone ลดลงมาก ทั้งในประเทศจีน และในตลาดอื่นๆ สาเหตุหลักก็น่าจะมาจากปัญหาเศรษฐกิจและสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน และราคาที่แพงเกินไปนั่นเอง ทำให้บริษัทปรับลดตัวเลขประเมินรายได้ไตรมาสล่าสุดลงหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ ส่งให้มูลค่าหุ้นของ Apple ตกไปถึง 9.12% หลังประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์รายได้ไตรมาส 1 ปี 2019 จนเกิดการเทขายในวงกว้าง
โดยล่าสุด Donald Trump ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าวด้วย ว่า เขาไม่รู้ทุกข์ร้อนใจเกี่ยวกับยอดขาย iPhone และหุ้นของ Apple ที่ลดลงแต่อย่างใด แต่เขากลับรู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถทำให้ข้อตกลงเรื่องกำแพงภาษีกับประเทศจีนนั้นเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้เขายังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกว่า หลังผมเป็นประธานาธิบดี หุ้นของ Apple ก็ขึ้นมากว่า 100% แล้ว ถือว่าเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม
แต่ความจริงแล้ว ตั้งแต่วันที่ Trump เข้ามาเป็นประธานาธิบดี หุ้นของ Apple ก็ขึ้นมาเพียง 26.7% เท่านั้น ซึ่งต่างจากสมัยของบารัค โปบามา ที่หุ้นของ Apple ขึ้นจาก $7.48 มาเป็น $116.35 เกือบ 15 เท่า และเมื่อเทียบระหว่าง วันที่ 4 เดือนมกราคม 2017 – วันที่ 4 มกราคม 2019 หุ้น Apple ขึ้น 22.2% เท่านั้น ภายใต้การปกครองของ Trump ในขณะที่วันที่ 4 เดือนมกราคม 2009 – วันที่ 4 มกราคม 2011 หุ้นของ Apple เพิ่มขึ้นสูงถึง 4 เท่าภายใต้การปกครองของโอบามา
อย่างไร ก็ตาม Trump ยังเสนอให้ Apple ย้ายฐานการผลิตกลับมาที่สหรัฐอเมริกา เพราะการที่ Apple พึ่งการผลิตที่ประเทศจีนทำให้รายได้ไหลไปสู่ประเทศจีนเยอะมาก เพื่อแก้ปัญหายอดขายตกดังกล่าว แต่ในขณะที่หลายคนมองว่าหาก Apple ย้ายย้ายฐานการผลิตกลับมาที่สหรัฐอเมริกาจริง ก็ต้องเจอกับภาวะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอีก แถมขนาด Assembly ที่จีนยังต้องขายเครื่องละ 4 หมื่น หากย้ายกลับไปสหรัฐฯ มีหวังเฉียดแสนแน่ๆ
Credit : phonearena
Facebook Comments