Digital Marketing

Millennials คือเยาวชนในปัจจุบันที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 34 ปี ซึ่งมีกำลังซื้ออย่างมากราว 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ของแต่ละปีในสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะศึกษากลุ่มคนรุ่นนี้ เพื่อที่จะนำมาปรับใช้ในการทำการตลาดกับพวกเขา เรามาดูกันว่า 3 ข้อนี้มีอะไรบ้างกันนะครับ

ต่อไปคุณจะใช้ Google ในการค้นหาข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟน หรือแทบเล็ด คุณก็จะเห็นเนื้อหาจาก Twitter ที่มีคน Tweet ไว้เพิ่มขึ้นมาแล้วนะครับ โดย Google ได้จับมือร่วมกันกับ Twitter ในการค้นหาข้อมูลผ่าน Google บนโทรศัพท์มือถือ

หลังจาก Google ประกาศปรับอัลกอริทึม Mobile-friendly เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมาแล้วนั้น ทาง Bing ก็ไม่ยอมน้อยหน้าในฐานะ Search Engine อันดับ 2 ของโลกก็ประกาศปรับอัลกอริทึม Mobile-friendly เพื่ออวยมือถือด้วยเหมือนกัน เพราะ Bing เองนั้นก็ต้องปรับตัวเพื่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่อัตราการเจริญเติบโตบนมือถือ

Facebook จัดเต็มเพื่อกิจการเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กด้วยปุ่มโทรในโฆษณาจะช่วยให้คุณสามารถติดต่อกับเจ้าของธุรกิจ หากลูกค้าเห็นบางสิ่งบางอย่าง เกิดข้อสงสัยก็จะสามารถติดต่อได้โดยตรง ฟีเจอร์นี้มาอยู่ร่วมกับ “Like This Page” และ “Get Directions” การเพิ่มปุ่ม “Call” ในโฆษณาจะทำให้ร้านค้าสามารถเข้าถึงลูกค้าใน Facebook ได้เพิ่มขึ้น

คุณเคยรู้ไหมว่าการนับ View ครั้งนึงของ Social media ต่างๆ เขานับอย่างไร ซึ่งไม่เหมือนกับการนับจำนวนคนเข้าเว็บไซต์เราหรอกนะครับ แต่ละเจ้าก็มีวิธีการนับยอด View ที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะวีดีโอบน Youtube นี่โหดสุด โดยจากการสำรวจของเว็บไซต์ Marketingland ได้แสดงถึงตัวเลขของการนับยอด View ของ Social Media ต่างๆ ที่น่าสนใจอย่างมาก เผื่อว่าเพื่อนๆ จะนำไปปรับใช้กัน

จากผลสำรวจของบริษัทวิจัยทางด้านมาร์เก็ตติ้ง SaleCycle ได้ระบุว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาลูกค้าช่างช้อปที่เข้ามาเว็บไซต์ระบบช้อปปิ้งออนไลน์จะเลือกสินค้าลงตระกร้าแต่ตัดสินใจไม่จ่ายเงิน ซึ่ง SaleCycle ได้อ้างอิงค่าเฉลี่ยจาก 500 แบรนด์ระดับโลกในช่วงมกราคมถึงมีนาคม 2015 จากรายงานนั้นพบได้ว่าตระกร้าสินค้าที่ถูกละทิ้งนั้นมักเกิดขึ้นช่วง 2 ทุ่ม – 3 ทุ่ม ของวันเสาร์ และกินสัดส่วนมากกว่า 76%

จากคนทำ SEO ที่สมัยก่อนไม่ยากมากสักเท่าไร จนตอนนี้ผมหันมาจับ Content Marketing มากขึ้นโดยเฉพาะบน Blog (Google ชอบ Content) ผมเริ่มเขียน Blog เป็นเรื่องเป็นราวเมื่อปี 2013 เขียนมันทั้ง Blog ตัวเองทั้ง Blog คนอื่นเพื่อทำยอดคนเยี่ยมชมให้กับเว็บไซต์ เขียนมาจนเริ่มมีแนวทางและสำนวนของตัวเอง แต่กว่าจะเขียนได้ขนาดนี้ ก็ลองผิดลองถูกอยู่นาน ผมเลยอยากรวบรวมประสบการณ์ในการเขียน Blog ให้กับเพื่อนๆ ที่สนใจในการเขียนบทความ และการตลาดออนไลน์มาไว้ที่นี้ครับ ^_^

ตั้งชื่อให้มันดูเหมือนหนังฟอร์มยักษ์ไปอย่างนั้นแหละครับเอาฮา แต่ที่ไม่ฮาก็คือวันพรุ่งนี้ อังคารที่ 21 เมษายน จะเป็นวันที่ Google จะเปิดใช้อัลกอริทึมตัวใหม่เพื่อวิเคราะห์หน้าเว็บไซต์สำหรับ mobile คือการปรับลดลำดับของเว็บที่ไม่สนับสนุนการแสดงผลบนมือถือ Webmaster หรือเจ้าของธุระกิจที่มีเว็บไซต์ต่างๆ อาจจะมีร้อนๆ หนาวๆ ได้เพราะหากมีการปรับเปลี่ยนตรงจุดนี้ ในเว็บไซต์อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงลำดับของการแสดงผลค้นหา อาจจะดีขึ้นหรือลดลง

ผมชื่นชอบนะในคำว่า “ความเป็นแบรนด์” ซึ่งผมก็ทำมันมาอย่างต่อเนื่อง อยากไปยืนอยู่จุดๆ นั้น และมันยิ่งทำก็ยิ่งสนุก ทุกวันนี้การสร้างแบรนด์เป็นส่วนสำคัญอย่างมาก และนักการตลาดนั้นก็ต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในขณะที่ Content และ Social media ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในยุคนี้ เว็บไซต์ของคุณนั้นก็มีบทบาทอย่างมากในการสร้างแบรนด์เช่นกัน การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งนั้นก็เกี่ยวข้องกับการสร้างเว็บไซต์เพื่อช่วยให้แบรนด์ของคุณมีความแตกต่าง และโดดเด่น

สำหรับปี 2014 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีทองของอีคอมเมิร์ซโดยยอดขายทั่วโลกจากธุรกิจออนไลน์นั้นประมาณว่าเหยียบหลัก 1.3 พันล้านดอลล่าร์ ส่วนด้านผู้บริโภคของสหรัฐฯ ก็หันมาใช้จ่ายผ่านธุรกิจออนไลน์มากขึ้น และสำหรับปี 2015 จะเป็นปีที่ดีขึ้นไปอีก ยอดขายทั่วโลกน่าจะโตขึ้นอีก 6.4%