เป็นการปิดตำนานที่ยิ่งใหญ่ สำหรับบริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) หรือ TT&T เนื่องจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ห้ามทำธุรกรรมใดๆ ยกเว้นการให้เจ้าหนี้ติตต่อกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อไปตามขั้นตอนปิดกิจการ
เมื่อย้อนกลับไป บมจ.ไทย เทเลโฟน แอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่น หรือ TT&T นั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2535 เพื่อรับสัมปทานโครงข่ายโทรศัพท์บ้านในต่างจังหวัดจากบมจ.ทีโอที หรือองค์การโทรศัพท์ในขณะนั้น จำนวน 1.5 ล้านเลขหมาย หลังจากหน่วยงานรัฐรายนี้ให้สัมปทานโครงข่ายโทรศัพท์บ้านในกรุงเทพ และปริมณฑลกับบมจ.เทเลคอมเอเชีย หรือทรู คอร์ปอเรชั่น ในปัจจุบัน แต่เมื่อ TT&T ให้บริการโทรศัพท์บ้านมาระยะหนึ่ง ก็เริ่มขยายธุรกิจสู่อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แต่ไม่ได้ทำภายใต้บริษัทนี้ กลับตั้งบริษัทลูก TTTBB ขึ้นมาให้บริการแทน
ส่วนสาเหตุของการล้มละลายนั้นอาจจะเกิดจากการที่ TTTBB เป็นบริษัทลูก ทำให้ TT&T ตัดสินใจทยอยโอนลูกค้า และทรัพย์สินต่างๆ ไปให้บริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ เพื่อเลี่ยงการเสียค่าสัมปทานให้กับองค์การโทรศัพท์ และช่วงนั้นก็มีการฟ้องร้องกันหลายครั้ง โดยกรณีที่ถูกจับตาคือการที่องค์การโทรศัพท์ฟ้องว่า TTTBB ลักลอบใช้โครงข่ายสายโทรศัพท์เพื่อไปให้บริการอินเทอร์เน็ต ทั้งๆ ที่ผู้ได้รับใบอนุญาตใช้งานมีรายเดียวคือTT&T แต่จนแล้วจนรอดศาลก็ยกฟ้อง เพราะมองว่าได้สัมปทานไปแล้วจะนำไปใช้อย่างอื่นก็ได้
ต่อมาทาง TT&T ก็ได้เปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 3BB ของกลุ่มจัสมิน เข้ามาเช่าใช้ข่ายสายเพื่อทำตลาดในต่างจังหวัดด้วย และก็เกิดข้อพิพาทกันขึ้น เพราะอยู่ๆ สัญญาณอินเทอร์เน็ตของ 3BB ก็หายไป จนทางผู้เช่าฟ้องร้องค่าเสียหายกับ TT&T กว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งสุดท้ายบริษัทในเครือกลุ่มจัสมินก็เป็นเจ้าหนี้ของ TT&T อีกราย และจัดตั้งบริษัทย่อยเข้ามาคุม TT&T ในช่วงทำแผนฟื้นฟูกิจการด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ศาลล้มละลายกลางก็มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และให้ยุติบริการทุกอย่างของ TT&T ลงตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2560 ทำให้ผู้ใช้งานโทรศัพท์บ้านกว่า 4 แสนเลขหมายถูกลอยแพ รวมถึงพนักงานในบริษัทที่ต้องตกงานกลางอากาศอีกด้วย
แต่ทาง บมจ.ทีโอที ที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานเดิม ก็ไม่ได้ใจดำ ได้ยื่นมือเข้ามารับผิดชอบผู้ใช้บริการทั้ง 4 แสนเลขหมาย โดยสามารถใช้บริการได้ต่อไป พร้อมกับชำระค่าบริการได้เหมือนเดิม
Credit : brandinside-asia
Facebook Comments