โซเชียลมีเดีย

Facebook จะคอยเก็บข้อมูลของผู้ใช้ทุกคนอยู่ตลอดเวลา โดยจะมีการสร้างบัญชีขึ้นเอง เป็น Shadow Profile แยกต่างหากจาก Facebook Profile ที่เราสร้างขึ้นเองตอนสมัครบัญชี เพื่อคอยเก็บข้อมูลของเรา

ในทุกๆ วันชาวอเมริกันมีการใช้งานในโซเชียลมีเดีย หรือบริการทางด้านเทคโนโลยีกับบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาได้ แต่จากการสำรวจของโพลล์ในสหรัฐล่าสุดนั้น

Facebook ประกาศเปลี่ยนแปลงระบบ Facebook Login ใหม่ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยต่อไปนี้ผู้ใช้งานต้องทำการ Login Facebook ทุก 3 เดือน เพื่อยืนยันตัวตน รวมถึงบริการออนไลน์หรือแอพฯ ต่างๆ ที่ใช้ Facebook Login จะต้องแสดงข้อความให้ผู้ใช้ยืนยันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวทุก 3 เดือนด้วย ไม่สามารถล็อกอินอัตโนมัติได้อีกแล้ว

เมื่อนึกถึง Digital Marketing สิ่งที่หลาย ๆ คนนึกเป็นสิ่งแรกคือการทำการตลาดใน Facebook แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอน เปลี่ยนแปลงไปได้ทุกวัน และยิ่งมีการปรับลดรีชข่าวลงก็ยิ่งมีผลกระทบมากขึ้น

Facebook ได้เปิดให้ใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวแล้ว โดยเริ่มที่สหรัฐฯ เป็นที่แรก ผู้ใช้จะเห็นปุ่มตัว i about this article ปรากฏอยู่ที่ใต้ลิงก์ข่าว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถกดเข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์ผู้เผยแพร่เนื้อหา เพื่อตรวจสอบว่าข่าวที่เห็นเป็นข่าวจริง หรือข่าวปลอม

เรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ดังแบบข้ามคืนกันเลยก็ว่าได้ จะทำอย่างไรดีเมื่อแฟนชอบกินก๋วยจั๊บมาก แล้วก็ยังพาตัวเองไปกินด้วย และไม่ได้กินแค่มื้อสองมื้อ แต่เป็นการกินแบบทุกวันทุกวัน ที่ร้านเดิมย่านเยาวราชติดต่อกันมา 5 เดือน จนตัวเองทนไม่ได้

จากเหตุการณ์ Facebook ทำข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้รั่วกว่า 50 ล้านบัญชี เป็นการนำข้อมูลผู้ใช้ไปโดยไม่ได้รับความยินยอม วันนี้เราจึงมีวิธีการป้องกันข้อมูลส่วนตัวบน facebook ในแบบต่างๆ มาฝากกัน เพื่อเราจะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ

Twitter ประกาศแบนโฆษณาการระดมทุน ICO ทั้งหมดแล้ว ตามรอย Facebook และ Google มาติดๆ โดยจะไม่อนุญาตให้ลงโฆษณาที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับระดมทุน ICO บริการกระเป๋าเงินคริปโต รวมทั้งบริการแลกเปลี่ยนเงินคริปโตทั้งหมด แบบไม่มีข้อยกเว้น

หลังจากมีกรณีข่าวฉาวที่ Facebook กับ Cambridge Analytica ทำข้อมูลผู้ใช้หลุดกว่า 50 ล้านบัญชี ซึ่งสร้างผลกระทบเกี่ยวกับความเชื่อมั่นอยู่มาก ล่าสุดทาง Facebook เลยลงโฆษณาเต็มหน้าในหนังสือพิมพ์ของสหรัฐฯ และอังกฤษ โดยเป็นการลงขอโทษเกี่ยวกรณีข้อมูลดังกล่าว

ถ้าพูดถึง Copyright แล้วคนส่วนใหญ่ก็คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี หรือที่เรารู้จักกันในนามลิขสิทธิ์ โดยลิขสิทธิ์เป็นกฏหมายที่จะคุ้มครองผู้คิดค้นให้ได้รับสิทธิในการใช้งาน และการจำหน่าย แล้วคุณรู้ไหมว่า Copyleft คืออะไร แตกต่างหรือเหมือนกับ Copyright อย่างไร