ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2020 ประเทศไทยมียอดผู้ใช้งาน Facebook อยู่ 50 ล้านบัญชี
ซึ่งหนึ่งคนอาจมี Facebook มากกว่า 1 บัญชี
ในขณะที่ประเทศไทยมีประชากรประมาณ 69 ล้านคน
แสดงให้เห็นว่า Facebook ได้รับความนิยม และมีความสำคัญต่อคนไทยอย่างมาก
ซึ่งในประเทศไทย ไม่เคยมีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไหนที่สามารถดึงดูดจำนวนผู้ใช้งานได้มากขนาดนี้มาก่อน
โดยเมื่อเทียบแพลตฟอร์มอื่น ปัจจุบันในประเทศไทยจะมีผู้ใช้งาน
LINE 47 ล้านบัญชี
Instagram 14 ล้านบัญชี
Twitter 7 ล้านบัญชี
ขนาด LINE แอปแช็ตที่คนไทยเกือบทุกคนต้องมีติดไว้ในมือถือ ยังมีจำนวนบัญชีผู้ใช้งานน้อยกว่า Facebook..
ในแต่ละวันเราใช้ Facebook ในการทำสิ่งต่างๆ เช่น
โพสต์ข้อความ, อัปเดตสเตตัส, อัปโหลดรูป และ Story
ติดตามข่าวสารจากเพจต่างๆ รวมถึงความเคลื่อนไหวของผองเพื่อน, คนรู้จัก, คนที่แอบชอบ
พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความสนใจ หรือเรื่องต่างๆ ในกรุ๊ป
ซื้อขายสินค้าออนไลน์ผ่านฟีเจอร์ Marketplace หรือในกรุ๊ป เป็นต้น
ซึ่งสำหรับบางคน สิ่งแรกที่ทำหลังตื่นนอน หรือสิ่งสุดท้ายที่ทำก่อนเข้านอน
ก็คือการหยิบมือถือเข้าแอป Facebook..
แต่ในวันนี้ คำถามสำคัญที่อาจเกิดขึ้นในหัวของใครหลายคนก็คือ
ถ้า Facebook ถูกแบนไม่สามารถใช้งานในประเทศไทย แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ?
คำถามแรกที่ต้องตอบให้ได้ก่อน ก็คือ
แล้วจะมีอะไรบ้าง ที่สามารถมาทดแทน Facebook ได้ ?
ซึ่งในกรณีเลวร้ายสุด ถ้า Facebook ถูกแบน แพลตฟอร์มในเครือของ Facebook ก็อาจต้องถูกแบนไปด้วย
ทั้ง Messenger, Instagram และ WhatsApp
ซึ่งเราก็คงต้องใช้แพลตฟอร์มอื่นที่ Facebook ไม่ได้เป็นเจ้าของ เช่น LINE, Twitter ซึ่งบางคนอาจไม่ชินกับแพลตฟอร์มเหล่านี้สักเท่าไร และแพลตฟอร์มเหล่านี้อาจจะยังไม่มีข่าวสารและบทความจากเพจ และสำนักข่าวต่างๆ ที่เราติดตามบน Facebook
เพราะจุดเด่นของ Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่เอื้อต่อการนำเสนอคอนเทนต์ที่เป็นบทความยาวๆ
ต่างจากแพลตฟอร์มอื่น เช่น Twitter ที่มีการจำกัดตัวอักษร
ซึ่งถ้าไม่มี Facebook ให้เล่น ผู้ใช้งานอย่างเรา ก็อาจไม่รู้ว่าจะไปกดติดตามเพจที่ชื่นชอบได้จากแพลตฟอร์มไหน..
นอกจากนั้น Facebook ยังเป็นแหล่งของผู้ประกอบการ SMEs จำนวนมาก ที่ในวันนี้เขามีหน้าร้านอยู่บน Facebook ซึ่งแน่นอนว่าถ้า Facebook หายไป เงินสะพัดที่อยู่บนเฟซบุ๊กจะหายตามไปด้วยเช่นกัน
เพราะตอนนี้ Facebook ไม่น่าจะใช่แค่แพลตฟอร์มเสพคอนเทนต์อีกต่อไป แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มค้าขาย Social Commerce สำหรับร้านค้าต่างๆด้วย
นี่ยังไม่นับรวมผลกระทบในมุมของ เจ้าของ แบรนด์ และสำนักข่าว ที่จะต้องสูญเสียยอดแฟนเพจ ช่องทางจำหน่าย ช่องทางการทำการตลาด จากการที่ Facebook ถูกแบน
ส่วนอีกตัวอย่างที่น่าจะเป็นปัญหา ก็คือ
บัญชีของแอป หรือเว็บไซต์อื่นๆ ที่เราใช้บัญชี Facebook ในการเข้าสมัคร ก็จะไม่สามารถใช้งานได้
ตัวอย่างเช่น การใช้บัญชี Facebook เข้าสมัครและเล่นเกม ROV, PUBG
การใช้บัญชี Facebook สมัครบัญชี Spotify
และแอปอื่นๆ อีกมากมาย ที่เราใช้บัญชี Facebook สมัครแทน เพราะต้องการความสะดวก
ซึ่งถ้า Facebook ถูกแบน จนเราไม่สามารถใช้งาน Facebook ได้อีก
แล้วต่อไป เราจะสามารถล็อกอินบัญชีของแอปเหล่านี้ผ่านบัญชีของ Facebook ได้อีกครั้งหรือไม่ ?
จะเห็นได้ว่า Facebook มีความเกี่ยวพันและสำคัญต่อชีวิตประจำวันมากน้อยแตกต่างกันไป ตามแต่ละฟีเจอร์ กิจกรรม หรือพฤติกรรมของแต่ละคน
ซึ่งการเลิกใช้งาน Facebook ก็อาจเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆ คน
ทั้งนี้ บางคนอาจบอกว่า
“คนในสมัยก่อน ก็ไม่มี Facebook ให้ใช้งานกัน ก็อยู่กันได้สบายๆ”
แต่บางคนก็อาจบอกว่า เอาบรรทัดฐานของ “ยุคนั้น” มาเทียบกับ “ยุคนี้” ไม่ได้
โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว
และเรากำลังอยู่ในยุคที่โลกออนไลน์ ที่มีความสำคัญไม่แพ้โลกออฟไลน์ หรือในชีวิตจริง
เหมือนกับคำถามที่ว่า ถ้าตอนนี้เราไม่มีไฟฟ้าใช้ เราจะอยู่ได้ไหม ?
เพราะในสมัยก่อนหน้านั้น มนุษย์ก็ใช้ชีวิตโดยไม่มีไฟฟ้าใช้เหมือนกัน..
และถ้าถามคนยุคนี้ว่า ไฟฟ้า หรือ เฟซบุ๊ก จำเป็นมากกว่ากัน?
คำตอบที่ได้ อาจเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึง ก็เป็นได้..
Credit : longtunman

You may also like
ค้นหาข่าวสารที่คุณสนใจได้ที่นี่
เรื่องล่าสุด
- ระวัง! “Nudify” แอป AI ลบเสื้อผ้าได้ ใช้เปลื้องผ้าผู้คนจากภาพถ่าย!! 29 ธันวาคม, 2023
- หลังจาก YouTube แบน Ad Blocker หลายคน Uninstall แต่หลายคน Install เยอะขึ้น 21 พฤศจิกายน, 2023
- Apple กำลังพัฒนา Search Engine เป็นของตัวเอง จะสู้ Google ได้หรือไม่! 5 ตุลาคม, 2023
- Facebook เปิดตัวโลโก้ใหม่ เปลี่ยนจนที่ใครๆต้องร้องว้าว! 25 กันยายน, 2023
- YouTube บล็อคไม่ให้เล่นคลิปแล้ว หากใช้ Ad Blocker กีดกันโฆษณาบนเบราว์เซอร์ 18 กันยายน, 2023
Facebook Comments