Huawei ได้จัดงาน Huawei Developer Conference ประจำปี 2019 ระหว่างวันที่ 9 – 11 สิงหาคม ที่ประเทศจีน เพื่อเป็นการประชุมของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีของตัวเองสู่สายตาคนทั้งโลก ซึ่งปีนี้เป็นครั้งแรกที่ Huawei เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนจากต่างประเทศทั่วโลกได้เข้าร่วมงานประชุมดังกล่าวด้วย หลังจากที่จัดมาตลอดหลายปี โดยในงานครั้งนี้ มีนักพัฒนาเข้าร่วมประชุมกว่า 5,000 คน และภายในงานมีการพูดถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ที่กำลังพัฒนาและพัฒนาเสร็จแล้ว และที่เตรียมจะปล่อยออกมาให้ผู้ใช้ได้ใช้งานกันมากมาย
โดยนวัตกรรมอย่างแรกเลยก็คือ Harmony OS หรือระบบปฏิบัติการของ Huawei นั่นเอง ที่ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสออกมาในชื่อ HongmengOS นั่นเอง โดย HarmonyOS นั้นถูกพัฒนามาเป็นระบบปฎิบัติการกลางที่สามารถใช้ได้กับทุกๆ อย่าง ทั้ง Smart Device, Smart Watch, Wearable และ Smart Home โดยจะเป็นระบบปฎิบัติการที่ใช้สถาปัตยกรรมจาก Distributed Arhitecture , Modular based ใช้ Microkernel โดยใช้วิธีการย่อยส่วนต่างๆ ให้เล็กลง ทำให้การพัฒนาง่ายขึ้น มีตัวกลางในการแปลงภาษาในการพัฒนาให้ ทำให้นักพัฒนาแอปต่างๆ สามารถพัฒนาแค่ครั้งเดียว แต่สามารถไปใช้ทุก Device ได้เลย อีกทั้งยังเร็วกว่า เบากว่า ไม่กินพื้นที่เครื่องเยอะ ที่สำคัญระบบรักษความปลอดภัยของข้อมูลก็ปลอดภัยกว่า มีการล็อกกุญแจย่อยๆ ในแต่ละส่วน ต่างกับ Android ที่จะมีกุญแจล็อกแค่ชั้นเดียว
จุดประสงค์ของ HarmonyOS นั้น ก็เพื่อเชื่อมให้ทุกอย่างต่อกันได้แบบไร้รอยต่อนั่นเอง และ Huawei ก็ยังยืนยันว่าในสมาร์ทโฟนจะยังคงใช้ระบบปฎิบัติการ Android ต่อไป เพราะเชื่อว่าลูกค้าทั่วโลกส่วนใหญ่ก็จะยังติดกับบริการของ Goolgle อยู่ อีกทั้ง Huawei เองก็ยังอยากรักษาความสัมพันธ์กับ Google ไว้อยู่ด้วย ก็เลยเน้นให้ HarmonyOS ใช้กับบริการอย่างอื่นไปก่อน แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรขึ้นมา Huawei เองก็พร้อมที่จะนำ HarmonyOS มาใช้ในสมาร์ทโฟนได้ภายใน 1-2 วัน นอกจากนี้ Huawei ยังเปิด open source project ให้แก่นักพัฒนารายอื่นๆ ด้วย เนื่องจากต้องการให้ HongmengOS ทะยานไปสู่ Global operatings system นั่นเอง
นวัตกรรมต่อมานั่นก็คือ EMUI 10 ที่เป็นเรื่องใกลัตัวกับ user อย่างเราๆ มาก โดยสิ่งที่น่าสนใจก็คือ เค้าจะพัฒนาให้ EMUI 10 กลายเป็น Seamless AI Life เน้นไปที่การเชื่อมต่อให้ทุกๆ device ให้สามารถเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ ต้องการให้อุปกรณ์เทคโนโลยีที่ใช้ EMUI 10 สามารถโยกสลับไปมาระหว่างอุปกรณ์อื่นได้แบบง่ายดาย เช่น เวลามีโทรศัพท์มาก็สามารถเลือกได้ว่าจะรับในอุปกรณ์ไหน มือถือ ทีวี ลำโพง หรือคุยอยู่จะย้ายเครื่องก็ทำได้ การวิดีโอคอลในขณะขับรถ เป็นต้น โดย EMUI 10 จะเริ่มใช้ได้ใน Smart Home, Wearable, Huawei High Car และ Computer ของ Huawei ก่อน นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม Dark Mode ที่ถูกพัฒนามาอย่างละเอียดเพื่อให้เข้ากับดวงตามากที่สุดด้วย และ EMUI 10 นี้ก็จะยังคงรันอยู่บน Android เช่นเดิม
ต่อไปก็คือการพัฒนาชิป Kirin เวอร์ชั่นใหม่ที่เจ๋งกว่าเดิม ซึ่งประกอบไปด้วย Cloud Gaming, รถยนต์ไร้คนขับ, AI และ VR, AR Experience โดยชิปจะสามารถแสตนบายได้ตลอด กินพลังงานต่ำ ไม่หน่วง และก็ฉลาดมาก โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบ 3D เข้ามาใช้ในการพัฒนาด้วย ซึ่งอาจจะได้เห็นใน Mate 30 Series หรือใน Mate 20 Series เวอร์ชั่นอัปเดทก็เป็นได้
นอกจากนี้ ก็ยังมีพวก APP Gallery ที่พัฒนาดีขึ้น มีการบอก Rate ช่วงอายุในการเข้าใช้งานแอป มีการแนะนำแอปที่เป็นที่นิยมในพื้นที่ๆ ที่เราอยู่ มีฟีเจอร์ Huawei Education ที่ใช้ AI เข้ามาช่วยในการเรียน ตั้งแต่การวิเคราะห์หลักสูตร ทดลองเรียน การทำแบบฝึกหัด รวมไปถึงการจัดการหลังการเรียนด้วย โดยฟีเจอร์นี้คาดว่าจะเปิดตัวปลายปีนี และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจนั่นก็คือ AR Navigation บริการให้ข้อมูลสถานที่ๆ ต่างๆ โดยการใช้กล้องส่อง ซึ่งตอนนี้ได้เปิดใช้งานกว่า 150 ประเทศ มีด้วยกัน 40 ภาษาแล้ว รวมถึง Huawei ADS ที่ฉลาดสุดๆ สามารถปรับเปลี่ยนโฆษณาไปตามไลฟ์ไสตล์ของกุ่มคนในพื้นที่นั้นๆ
อย่างไรก็ตาม บอกได้เลยว่า Huawei มีความต้องการที่จะสร้าง Eco System เป็นของตัวเองอยู่ ในตอนนี้หากบน Android มีนวัตกรรมอะไร Huawei ก็มีนวัตกรรมนั้นด้วย แต่จะอยู่ในรูปแบบที่ดีกว่า Advance กว่านั่นเอง
Credit : LDA World
Facebook Comments