DAMO Academy บริษัทวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ อาลีบาบา ได้เปิดเผยมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มเทคโนโลยี 10 อันดับที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2019 โดยปัญญาประดิษฐ์หรือ AI จะยังคงเป็นเทคโนโลยีที่มาแรงที่สุด คาดว่าจะมีแอพพลิเคชันจำนวนมากมายที่จะพัฒนาโดยนำเทคโนโลยี AI มาใช้ครอบคลุมหลากหลายรูปแบบมากขึ้นกว่าเดิม และนี่คือ 10 สิ่งที่เทคโนโลยี AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอนาคตอันใกล้นี้ของเราให้เปลี่ยนไปจากเดิม
1. การจำลองเมืองอัจฉริยะ
มีการนำเทคโนโลยี AI เข้าไปผสมผสานกับระบบต่างๆ ของเมือง ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า การจราจร ระบบประปา หรือการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ซึ่งแต่ละเมืองของจีนและมีข้อมูลเหล่านี้ในปริมาณมหาศาล ซึ่งเทคโนโลยี AI จะเข้ามาประมวลผลและวิเคราะห์ รวมถึงหาวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
2. ระบบสื่อสารกับสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ ผ่าน AI
ผู้คนสามารถ “พูดคุย” กับสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะอื่น ๆ ที่ขับเคลื่อนโดย AI ได้ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะนำมาใช้กับสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะด้านใดบ้าง แต่ดูเหมือนว่าระบบดังกล่าวจะผ่านการทดสอบ แต่แม้จะผ่านการทดสอบแล้วก็ตาม หลายคนยังมีความเห็นว่าจำเป็นต้องมีการจัดตั้งกฎและข้อบังคับเพื่อควบคุมอุตสาหกรรมและหลีกเลี่ยงการใช้เทคโนโลยีที่ผิดในการโฆษณาการรบกวนโทรศัพท์และการฉ้อโกง เพื่อป้องกันการหลอกลวงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
3. ชิปเซ็ต AI ประมวลผล 3D
ชิปเซ็ต AI จะเข้ามาทดแทนระบบ GPU ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันโดยชิปเซ็ต AI จะสามารถประมวลผลในรูปแบบ 3 มิติได้ และจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของชิปเซ็ต AI ในอนาคต เพราะเมื่อเทคโนโลยี AI มีความต้องการสูงเพิ่มขึ้น ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ก็จำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยี AI ด้วย หากแต่เทคโนโลยี AI จะอยู่ในรูปของชิปเซ็ต
4. โครงข่ายระบบประสาทขนาดใหญ่สุด
Graph Neural Networks (GNNs) หรือการเชื่อมโยงระบบประสาท ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สมองของมนุษย์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ขณะที่โครงข่ายจะมีการสอดประสานเชื่อมโยงเช่นเดียวกับระบบประสาทในสมองมนุษย์ ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเข้าใจและเป็นกลไกสำคัญในกระบวนการคิด
5. โครงสร้างสถาปัตย์คอมพิวเตอร์จะเปลี่ยนไป
เป็นที่ทราบกันดีว่า คอมพิวเตอร์ที่มี CPU เป็นหน่วยประมวลผล จะใช้วิธีการคำนวณเลขฐานสอง เพื่อแปลงออกมาให้เป็นค่าต่างๆ ในระบบที่มนุษย์ใช้กันอยู่ทั่วไป แต่ CPU ยุคใหม่จะใช้วิธีการคำนวณที่แตกต่างออกไป และจะทำให้ โครงสร้างสถาปัตย์คอมพิวเตอร์เปลี่ยนไป สู่การคำนวณในรูปแบบของ Quantum Computing
6. เครือข่าย 5G เร็วแรงกว่าเดิม
AI จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเมื่อทำงานอยู่บนเครือข่าย 5G นั่นเพราะ หัวใจหลักของเทคโนโลยี 5G คือการสื่อสารและการเชื่อมต่อที่รวดเร็วมากขึ้นกว่าในยุค 4G ช่วยให้สามารถสื่อสารเชื่อมโยงข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้การสื่อสารระหว่างเครื่องจักร (Machine to Machine – M2M) มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7. ข้อมูลดิจิทัลกลายเป็นบัตรประชาชนใบที่สอง
เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์กำลังเติบโตและมีการใช้งานในวงกว้าง ระบบจะมีการจดจำข้อมูลที่เป็นชีวภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ระบบต่างๆ โดยเฉพาะระบบข้อมูลส่วนบุคคลของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ช่วยให้ระบบรู้จักรายละเอียดตัวบุคคลมากขึ้นเทียบเท่ากับข้อมูลบัตรประชาชน และในอนาคตอาจจะกลายเป็นข้อมูลระบุตัวตนเทียบเท่ากับบัตรประชาชนใบที่สองของเรา
8. รถยนต์ไร้คนขับฉลาด รอบคอบมากขึ้น
ในอีกสองถึงสามปีข้างหน้าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเกิดขึ้น เทคโนโลยี AI ผสมผสานกับโครงข่าย 5G การสื่อสารระหว่างเครื่องจักร (Machine to Machine – M2M) ก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือยานยนต์ไร้คนขับที่เทคโนโลยี AI บนเครือข่าย 5G จะช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น มีความรอบคอบในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
9. blockchain จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
เทคโนโลยี blockchain มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ผู้คนมีเหตุผลมากขึ้นเกี่ยวกับ Blockchain ในปีนี้ Blockchain จึงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่จะเติบโตและจะเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการส่งสินค้าข้ามประเทศ โอนเงินข้ามประเทศหรือพิธีการทางศุลกากรรูปแบบดิจิทัล เป็นต้น
10. เทคโนโลยีความปลอดภัยด้านข้อมูลจะแม่นยำขึ้น
เมื่อโลกดิจิตทัลเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน อาชญากรรมบนโลกไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว นั่นจึงทำให้รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกตระหนักถึงความปลอดภัยในข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลและหลายประเทศจะมีการออกกฎหมาย เพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ขณะที่ภาคเอกชนจะต้องเตรียมรับมือกับการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยด้านข้อมูล
Credit : chinadaily
Facebook Comments